Archive for April 2010
กลับบ้านเรา เมี๊ยวรออยู่
ตอนแรกว่าจะไม่เล่าเรื่องราวของวันกลับแระ เพราะไม่ค่อยมีอะไรมาก แต่นึกไปถึงร้านอาหาร เช้า+กลางวันที่แวะทานแล้วรู้สึกไม่เล่าไม่ได้ ขอสักหน่อยเถอะ
16 เม.ย 2010….. กลับบ้านเรา เมี๊ยวรออยู่
ด้วยความว่าวันนี้วันที่ 16 คิดว่าคนคงเริ่มกลับกลับ กทม. แล้วล่ะ สงสัยรถจะต้องติดแน่ๆ เลย พรุ่งนี้เราต้องไปภูเก็ตต่อ (เฉพาะเรากับหมูยิ้มกับเจ้า Max) รีบกลับให้ถึงบ้านท่าจะดี เลยออกเดินทางซะตั้งแต่ 6 โมงเช้า… มันก็ไม่เช้าเท่าไหร่หรอก เกือบๆ จะ 7 โมงแล้ว
เรื่องของเรื่องคือแอบอาฆาตร้านข้าวโพดเทียนที่ซื้อมานั่งแทะเล่นเมื่อวันก่อน มีขายอยู่ร้านเดียวในตลาด แล้วก็อร่อยดี แต่สาเหตุที่แค้นก็เพราะว่าน้าไปซื้อ ใส่สร้อยทองประจำตระกูล (ซะที่ไหน น้าไปสั่งทำเอาเองหรอก) อันเป็นสร้อยนามสกุลไปด้วย ระหว่างยืนซื้อข้าวโพดคนขายข้าวโพดก็เมียงมองใหญ่ เสร็จแล้วก็บอกว่า
“พี่ก็นามสกุล ….. เหมือนกันเหรอเนี่ย งั้นเอา 15 บาทพอ” <<< เฮ้ย!! ได้ไงอ่ะ ไม่รู้จักกันแต้ๆ แค่นามสกุลเหมือนกันก็ลดราคาเลยเร๊อะ!!
ดังที่เคยกล่าว ความจริงแล้วตระกูลเจ้าแม่ค่อนข้างใหญ่โตโด่งดังอยู่แถวๆ นั้น เสียตรงที่ใหญ่ไปหน่อย ญาติใครเป็นญาติใครก็ไม่รู้ เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งนานมากๆ แล้ว (<<<แล้วก็มาเข้าเรื่องผีซะงั้น)
ตอนนั้นคุณตายังมีชีวิตอยู่ ส่วนคุณยายตายไปนานแล้ว ตอนนั้นคุณตาป่วย คุณม่ามี๊เราก็ไปเฝ้า ไอ้เราตอนนั้นเรียนมหา’ลัยอยู่ เห็นมันง่ายๆ เลยขี้เกียจไม่ค่อยจะไปเรียนนักหรอก เผลอเปิดเทอมโผล่ไปถึงอีกที่วันสอบเลยก็มี ด้วยเหตุนั้นทำให้มีเวลาว่างตามคุณมารดาไปเชียงราย ตามไปจินๆ นะ นั่งรถทัวร์ไปกัน 3 คน มีพี่กัส เรา กับหมูยิ้ม (<<<ไอ้นี่สำคัญ ตัวมันอุ่น ขาดไม่ได้เวลาไปที่อากาศหนาวๆ ใช้แทนเตาผิงได้ดีหนักแล) ไปถึงตอนตีห้า ก็ว่ารถสองแถวเข้าบ้าน เสร็จแล้วก็ขึ้นห้องนอนหลับปุ๋ยๆ
ห้องที่ขึ้นไปนอนเป็นห้องนอนเดิมของเจ้าคุณยาย ตอนนั้นคุณยายเพิ่งตายไปไม่นานเท่าไหร่ ไม่ค่อยมีคนกล้าเข้าไปนอน เพราะหลังจากที่ยายตายไปคนแถวนั้นๆ มาบอกว่าเห็นยายยืนอยู่ตรงระเบียงชั้นสองของบ้านเราก็มี แต่ที่นี้เรื่องอย่างนี้ไม่เกี่ยวกับเราอยู่แล้ว ต่อให้เจอก็ผียายตูเอง แล้วไง ยายจะมาอะไรเค้าล่ะ ไม่กลัวหรอก กิ๊วๆ(ท้าเข้าให้อีกแน่ะ)
นอนที่ห้องยายได้สักถึงตอน 7 โมงเช้า ก็มีเด็กผู้ชายประมาณวัยรุ่นหน่อย อายุน่าจะประมาณ 14-15 อยู่ก็มาปลุกเราบอกว่า
“ตื่นเถอะ ตื่นๆ”
ไอ้เราตอนนั้นยังงัวเงีย แต่เห็นว่าไม่ใช่คนในบ้านก็คิดแล้วล่ะว่าเป็นผี แต่ก็อีก พอดีว่าที่บ้านเชียงรายก็ผีเยอะใช่ย่อยซะเมื่อไหร่ (มีกระทั่งผีทหารเลยอ่ะ) เห็นจนชิน เลยเฉยๆ ทีนี้ทางนั้นไม่ยอม ก็ยังปลุกเราต่อ
“ตื่นเถอะๆ ไปใส่บาตรให้หน่อย”
เออ เอ็งพยายามดี แต่ตูง่วง แถมนี่ 7 โมงเช้าแล้วนะเฟ้ย พระที่ไหนจะมารับบาตร ก็ถามผีไปว่า
“ใครล่ะ จะมาให้ใส่บาตรให้เนี่ย”
ทางนั้นก็ตอบมาว่า
“ชื่อน้อย เป็นหลานยาย ไปใส่บาตรให้หน่อยนะ”
“เออๆ 7 โมงแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยใส่ ตอนนี้จะนอนอย่ามากวน”
ก็บอกผีน้อยไปอย่างนั้นแล้วนอนต่อ
ตื่นมาอีกที 9 โมงเช้า ก็เดินลงมาข้างล่าง เจอคุณมารดาอยู่กับคุณตา ก็ถามคุณมารดาไปว่า
“แม่ หลานยายที่ชื่อน้อย เป็นผู้ชาย ตายไปแล้วอ่ะ รุ้จักป่ะ”
คุณมารดาก็ทำหน้างงๆ แล้วถามว่า “ทำไม?”
“เมื่อกี้ตอนนอนอยู่มีเด็กชื่อน้อยมาปลุก บอกว่าเป็นหลานยาย ให้ลูกใส่บาตรให้เขาหน่อย”
คุณแม่ก็ทำหน้างงอีก คิดไปสักพักแล้วก็ตอบว่า
“มีมันก็มีหรอก แต่น้อยไหนล่ะ หลานยายชื่อน้อยมีอยู่แทบทั้งอำเภอ ยายหลายเยอะมาก มีไปถึงบ้านสักอะไรแถบนั้นก็มีหลานยายตั้งหลายคน”
จ๊าก!! เยอะปานนั้นเลยหรือนั่น หลานยายเรา ก็งงๆ อยู่กับนามสกุลนี้อ่ะนะ แต่โดยสรุปรู้สึกว่าจะประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลายจนคนที่นามสกุลเดียวกันโดยไม่บังเอิญคือเป็นญาติกันจริงๆ แต่กลับไม่รู้จักกันก็มีมากมายทีเดียว
กลับมาที่ร้านข้าวโพดเทียน ปรากฏว่าคือญาติเราจริงๆ นั้นแหล่ะ ไม่รู้จักน้าเราแต่รู้จักแม่เรา ถ้าแม่เราไปซื้อก็ได้ 15 บาท กรี๊ดดดด!!! โป้งๆๆๆๆ แค้นมาก! เราลูกแม่แท้ๆ แต่ซื้อได้ 20 แค้นสุดชีวิต!
นั่นเองจึงเป็นเหตุผลให้อาฆาตเอาไว้ว่า เดี๋ยว 6 โมงเช้าก่อนรถออกจะไปซื้อให้ได้ 15 บาทแล้วเอาไปแทะเล่นบนรถ ที่ไหนได้…..
ความโง่ไม่เคยปราณีใคร…. หารู้ไม่ว่าตลาดเทิงเขามีอยู่สามกะ กะเช้าร้านที่มาขายก็เจ้าหนึ่ง กะสายที่มาขายก็เป็นอีกเจ้า กะบ่าย ร้านข้าวโพดถึงจะออกมาขายหรอก!! แง่ง!! อาฆาตเสียเปล่า แก้แค้นไม่ได้ เซ็งเลย
รถออก 7 โมง ยังไม่ได้ทานอะไรกันเลย แต่เราเอาตัวรอดด้วยการซื้อหมูปิ้งตับปิ้งกับข้าวเหนียวเอาไว้ (ข้าวเหนียวที่นี่ก็ขายน่ากลัวสุดๆ จ่าย 10 บาทได้มาตั้งครึ่งโล)
ก็เห็นระยะทางอยู่แล้วว่าขับอกไปนี่… เดี๋ยวรถก็ต้งอขึ้นเขา ทั้งเขางาวเข้าแพร่ ไม่ผ่านปั๊มเลยสักปั๊ม ร้านอาหารก็ไม่มี แถมเดี๋ยวขึ้นเขาเมื่อไหร่พี่ ช.ก็อาละวาดอีกล่ะ เราได้เมารถแน่ๆ ถ้าท้องว่างอยู่อย่างนี้ ก็เตรียมตัวพร้อมเอาไว้เลย
จริงๆ แล้วคุณมารดากะจะแวะทานอาหารเช้าที่เชียงคำ อุตส่าห์แล่นรถผ่านไปที่ตลาดเชียงคำ (เปล่า ความจริงพี่ ช. ขับหลงไป 55555) แต่ทุกคนอยู่ในอารมณ์งงทาง (พี่ช.ขับหลงไปจริงนะนั่น) เลยไม่คิดอยากจะรัยประทานอะไร ขอให้รีบๆ ออกมาจากที่นั่นได้ก็พอ พอออกมาได้พี่ ช. ก็ถามว่าจะไปทางลำปางหรือไปทางแพร่(ลำปางถนนใหญ่ รถวิ่งสบาย แต่อ้อม) เราก็ตอบว่าขอเร็วไวก่อน (นึกถึงสภาพตัวเองที่อาจต้องตะกายไปขึ้นเครื่องบินในวันพรุ่งนี้) ไปทางแพร่ก็แล้วกัน พี่ ช. ก็โอเช ได้ตามคำขอทันควัน <<< จริงๆ ภูเขาที่แพร่นี่วิวสวยมาก เราชอบไปทางนี้ แต่เส้นทางอันตรายเฉียดตายสุดๆ ต้องไว้ใจคนขับรถว่าฝีมือและระมัดระวังชีวิตเราได้ดีพอถึงค่อยเลือกไปทางนี้
พอขึ้นเขาก็หาของทานไม่มีล่ะ คุณมารดาเริ่มหิวเลยฉกข้าวเหนี่ยวหมูปิ้งเราไปทาน เลยอาฆาตเอาไว้ว่าหลังจากลงเขาจะมีร้านอาหารชื่อว่าไซทอง เดี๋ยวจะแวะทานกันที่นั่นแหล่ะ
ขึ้นเขานานมากกกกกกก กว่าจะไปถึงไซทองเกือบจะบ่าย (หรือเกือบจะเที่ยงหว่า) แต่สรุปเอาเป็นหิวหน้ามืดกันถ้วนทั่ว
ที่นี้เป็นร้านอาหารระบบเซลเซอร์วิส เหมือนร้านฟาดฟู้ดส์เลย ไปสั่งแล้วก็ยกไปที่โต๊ะเอง ต่างกันตรงอาหารที่นี่หนักโคตรยิ่งกว่าแฮมเบอร์เกอร์ในแมค เลยหนักไปทางหลอกใช้งานฝรั่งให้มันแบกซะ (ตา Max อยากถึกเองนี่ฟ่า 5555)
ตอนไปสั่งอาหารป้าที่รับออร์เดอร์มืออาชีพได้น่ากลัวมาก ขณะที่ทุกคนไปยืนดูเมนูอาหารแล้วกำลังปรึกษากันว่าใครจะทายอะไรป้าก็ถามว่ามากันกี่คน เราก็ไปว่า
“แปดคน” แล้วก็หันมาดูเมนู หนูอยากทานนเผึ้งมะนาวอ่า….อากาศร้อนๆ ต้องอาหร่อยแน่ๆ เลย
“แปดคนชุดเล็ก 2 ชุด ชุดใหญ่ทานไม่หมดหรอก” ป้าที่รับออร์เดอร์บอก จังหวะนั้นเราก็หันไปสั่งอาหาร
“เอาแกงอ่อม พริกอ่อง พริกหนุ่ม น้ำผึ้งมะ…” ยังไม่ทันจบป้าก็แทรกมาว่า
“เสร็จเรียบร้อยแล้ว น้ำผึ้งมะนาวไปสั่งเพิ่มตรงโน้น”
เหวอ…. ทุกคนอ้าปากอย่างเหวอ ยังไม่มีใครทันได้สัางอะไรป้าที่รับออเดอร์สั่งให้แล้วเรียบร้อย เฮ้ย! แล้วอาหารตูจะออกมามีอะไรมั่งฟะ
เดินไปตรงที่รับอาหารอย่างงงๆ พร้อมกับสั่งน้ำผึ้งมะนาวและกาแฟร้อนเพิ่มให้ป๊ะป๋า เดินไปถึงอาหารก็เสร็จออกมาให้ยกเป็นทิวแถว อยากจะบอกว่า…..
เยอะมากเลยคับทั่น!!
เอาอาหารไปตั้งที่โต๊ะแล้วก็นั่งทานอย่างเหวอๆ สำนึกนับถือป้ารับออเดอร์อย่างเหวอๆ ว่าเมพมาก เมพแห่งการรับออร์เดอร์จริงๆ
อาหารบนโต๊ะเยอะมาก แต่ก็ทานกันเกือบหมด ไอ้ฝรั่งบ้าไส้กรอกเยอรมันยังไม่พอ มาบ้าไส้อั่วเมืองไทยอีกต่างหาก ฟาดไส้อั่วคนเดียวเรียบเลย (มันชอบจริงๆ หรือนั่น) ท่าทางฝรั่งจะชอบมากมาย มีเจตนาจะซื้อกลับเยอรมันไปด้วย แต่กลัวไม่ผ่านด่านเลยต้องตัดใจ แต่ซื้อทั่นมุคุ… สัปะรดภูแลกลับเยอรมันไป 2 ลูก บอกว่าอาหร่อย (มารอบนี้แอบสอนภาษาเหนือเจ้าฝรั่งไปตั้งหลายคำ เจ้านี่เพิ่งจะฝึกนับเลขได้ไปซื้อของเจอคนเมืองบอกราคาว่า ซาวห้า <<< ไม่รู้จักว่าเลขอะไร ฝรั่งเซ่อไปเลย 555555)
ทานไม่หมดหรอก เอาน้ำพริกหนุ่มห่อกลับบ้านแล้วก็ซื้อเพิ่ม นี่นะ ตอนถามถึงน้ำพริกหนุ่มว่าจะเผ็ดมากไหม ป้าที่รับออร์เดอร์บอกด้วยว่า
“พริกหนุ่มทานเดือนนี้ไม่เผ็ดหรอก ต้องเดือนหน้าถึงจะเผ็ด” เวงกรรม…ตอบแค่ไม่เผ็ดคำเดียวก็ได้ป้า หนูสั่งเดือนนี้ไม่คิดจะรอไปทานเดือนหน้าหรอก (เดือนหน้าพริกหนุ่มจะไม่หนุ่ม จะแก่ตัวลงแล้วจึงเผ็ดมากขึ้น)
เสร็จแล้วเอาข้าวเหนียวทุกกะติ๊บที่ทุกคนทานเหลือมารวมกัน ใส่กะติ๊ยได้ตั้ง 2 กะติ๊บแน่ะ ก็เอากลับบ้านมาทานต่อบนรถซะ (ตอนนั้นยังไม่รู้อนาคตจะหาได้มีไม่ในทานรับประทานครั้งต่อไป)
คิดเงินเรียบร้อยก็ขึ้นรถกลับบ้าน ปรากฏว่า…. ตั้งแต่นั้นยันกรุงเทพ ใครชวนแวะทานอะไรไม่มีมครยอมทานเลยสักคน ทุกคนอิ่มหมด อิ่มตั้งกะแพร่จนถึงยุธยาแน่ะ ร้านอาหาร ไซทอง… แน่มาก ต้องจดจำไว้จริงๆ ทำให้คนเราอิ่มได้นานขนาดนี้
มาถึงสิงห์บุรีป้าที่อยุธยาโทรมาบอกให้แวะไปที่ร้านด้วย จะเลี้ยงอาหาร ความจริงขี้เกียจคั่กๆ อยากถึงบ้านเต็มแก่แล้ว แต่ป้าคนนี้ติดงาน ไปร่วมสรวลเสเฮฮาที่เมืองเหนือกับญาติๆ ไม่ได้เลยคิดว่าสงสัยป้าจะเหงา เลยบอกให้คุณมารดาแวะไปหน่อยก็แล้วกัน ก็แวะไปทานอาหารฟรีที่ร้านป้านิดๆ หน่อยจากนั้นก็ขึ้นรถกลับ ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ เย้!!
กลับมาถึงแมวแม้วเมี๊ยวที่ปล่อยให้ดูแลบ้านอยู่ตัวเดียวโวยวายตัดพ้ดต่อว่าใหญ่เลย แล้วเลยกลายเป็นแมวสต็อคเกอร คนเดินไปที่ไหนต้องมี่แม้วเดินตามอยู่ที่นั่น ไม่ยอมถูกปล่อยทิ้งไว้ตัวเดียวอีกแล้ว แม๊ววววว ฉงฉานแมวที่คิดถึงเราสุดๆ ไปเลย (ก็ตอนอยู่ด้วยกัน ทำเป็นไม่สนใจแถมชอบทิ้งคนไปเที่ยวเป็นอาทิตย์ๆ จนเราแทบจะเฉาตาย ทีงี้ล่ะทำเป็นประจบ ชริ!)
แมวแม้วเหมียวที่โดนเจ้าของใจร้ายทิ้งให้เฝ้าบ้านกับปู่อ้วน 2 ตัว
กลอนประตูห้องน้ำที่ร้านไซทอง ถ่ายมาดูว่าทำแบบโบราณ เป็เอกลักษณ์ดีแต๊
ห้องน้ำที่ร้านไซทอง เข้าไปที่แรก ปิดประตูปุ๊บตกใจสะดุ้งเฮือก!! ทำไมมีตุ๊กแกตัวเท่าเมี่ยงมาเกาะอยู่ตรงนี้!! เกาะอยู่ที่ประตูเป็นระยะประชิดต่อสายตามาก แต่พอดูดีๆ จริงๆ แล้วมันคือที่แขวนกระเป๋า!!(คิดได้นะ ที่แขวนกระเป๋าหน้าตาแบบนี้
)
บรรยายกาศในร้าน ณ มุมที่ไม่มีใครกล้าตายไปนั่ง (แดดมันร้อนอ่า)
กะจะถ่ายป้ายร้าน แต่กล้อฝมือถือหยิืบมาถ่ายเพราะสะดวกมือ จับภาพมาชัดแต่รถที่จอดอยู่ซะงั้น
ภาพแอบถ่าย!! คณะเราตอนนั่งทานอาหาร แอบถ่ายมา ฮิ ฮิ ฮิ
กลับบ้านแระ พรุ่งนี้ไปภูเก็ตต่อ สนุกมากมายก่ายกอง เฮฮฮฮฮฮ!!!!
Recent Comments